การตรวจบริภัณฑ์ไฟฟ้าด้วยเทคโนโลยี Infrared Thermography ช่วยตรวจหาความร้อนผิดปกติล่วงหน้า เพิ่มความแม่นยำ ลดความเสี่ยงไฟฟ้าขัดข้อง และยกระดับความปลอดภัยในระบบ

ในการบริหารจัดการระบบไฟฟ้าในโรงงานหรืออาคารพาณิชย์ ความปลอดภัยคือหัวใจหลักที่ไม่อาจมองข้าม การตรวจบริภัณฑ์ไฟฟ้าอย่างสม่ำเสมอจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง เพื่อลดความเสี่ยงจากการลัดวงจร ไฟรั่ว หรือไฟฟ้ากระชาก ปัจจุบันองค์กรต่าง ๆ เริ่มหันมาใช้เทคโนโลยี Infrared Thermography หรือการถ่ายภาพความร้อนในการตรวจบริภัณฑ์ไฟฟ้ามากขึ้น เพราะสามารถตรวจพบปัญหาเชิงลึกได้แม่นยำ โดยไม่ต้องสัมผัสหรือหยุดการทำงานของระบบไฟฟ้า
เทคโนโลยี Infrared Thermography คืออะไร?
หลักการทำงานของกล้องถ่ายภาพความร้อน
Infrared Thermography เป็นเทคโนโลยีที่ใช้กล้องอินฟราเรดในการตรวจจับอุณหภูมิของวัตถุที่ปล่อยความร้อนออกมา โดยเฉพาะอุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีกระแสไฟฟ้าไหลผ่าน เช่น เบรกเกอร์ ตู้ MDB หม้อแปลง สายเมน และจุดเชื่อมต่อ หากเกิดความร้อนผิดปกติหรือมีค่าอุณหภูมิสูงกว่าค่ามาตรฐาน กล้องจะตรวจจับและแสดงเป็นภาพสีที่แสดงระดับอุณหภูมิที่แตกต่างกันออกไป
ทำไมการตรวจบริภัณฑ์ไฟฟ้าด้วยเทคโนโลยีนี้จึงเหนือกว่าแบบเดิม
การตรวจบริภัณฑ์ไฟฟ้าแบบดั้งเดิมต้องใช้เครื่องวัดค่าทางไฟฟ้าหลายชนิด และมักต้องสัมผัสกับอุปกรณ์โดยตรง บางกรณีต้องปิดระบบชั่วคราว ซึ่งเสี่ยงต่อการหยุดชะงักของการผลิต ในขณะที่เทคโนโลยี Infrared Thermography สามารถดำเนินการขณะระบบยังทำงานอยู่ ไม่ต้องสัมผัสกับอุปกรณ์โดยตรง ทำให้ปลอดภัยกว่า เหมาะกับโรงงานอุตสาหกรรมที่มีอุปกรณ์ทำงานตลอดเวลา
ประโยชน์ของการตรวจบริภัณฑ์ไฟฟ้าด้วยเทคโนโลยี Infrared Thermography
ตรวจพบจุดเสี่ยงก่อนเกิดความเสียหาย
กล้องถ่ายภาพความร้อนสามารถตรวจจับจุดร้อนที่สายตาเปล่ามองไม่เห็น ซึ่งมักเป็นจุดที่เริ่มมีการสึกหรอ หลวม หรือเสื่อมสภาพ หากปล่อยไว้โดยไม่ตรวจสอบ อาจนำไปสู่การลัดวงจรหรือไฟไหม้ในอนาคตได้
ลดต้นทุนการบำรุงรักษาแบบฉุกเฉิน
เมื่อสามารถตรวจบริภัณฑ์ไฟฟ้าและพบปัญหาตั้งแต่เนิ่น ๆ จะช่วยให้สามารถวางแผนซ่อมบำรุงแบบเชิงป้องกัน (Preventive Maintenance) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดความจำเป็นในการซ่อมฉุกเฉินที่มักมีต้นทุนสูง
ยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์ไฟฟ้า
การตรวจบริภัณฑ์ไฟฟ้าแบบไม่รบกวนการทำงานของระบบ ช่วยให้สามารถดูแลรักษาอุปกรณ์อย่างต่อเนื่อง โดยไม่เกิดภาวะโหลดเกินหรือร้อนจัดจนทำให้อุปกรณ์เสื่อมเร็ว
กระบวนการตรวจบริภัณฑ์ไฟฟ้าด้วยกล้องถ่ายภาพความร้อน
ขั้นตอนการดำเนินงานของผู้เชี่ยวชาญ
- วิศวกรทำการวางแผนจุดตรวจ เช่น ตู้ MDB, เบรกเกอร์, หม้อแปลง ฯลฯ
- ใช้กล้องอินฟราเรดถ่ายภาพในขณะระบบยังทำงาน
- วิเคราะห์ภาพด้วยซอฟต์แวร์เฉพาะทาง เพื่อระบุค่าความร้อนที่ผิดปกติ
- จัดทำรายงาน พร้อมแนบภาพความร้อนและคำแนะนำในการแก้ไข
ข้อควรระวังและแนวทางการแปลผล
การแปลผลภาพถ่ายความร้อนต้องอาศัยความเชี่ยวชาญสูง เนื่องจากความร้อนที่เพิ่มขึ้นอาจเกิดได้หลายสาเหตุ เช่น โหลดไฟฟ้าสูง การเสื่อมของฉนวน หรือจุดเชื่อมต่อที่หลวม วิศวกรจะต้องพิจารณาร่วมกับพฤติกรรมของระบบ เพื่อไม่เกิดการวินิจฉัยผิดพลาด
ตรวจบริภัณฑ์ไฟฟ้าด้วย Infrared Thermography ใช้ได้กับอุปกรณ์ใดบ้าง?
เทคโนโลยีนี้สามารถใช้ได้กับบริภัณฑ์ไฟฟ้าเกือบทุกประเภท เช่น
- ตู้เมน (Main Distribution Board: MDB)
- เบรกเกอร์แรงดันต่ำและแรงดันสูง
- สายเมนสายพาน
- หม้อแปลงไฟฟ้า
- มอเตอร์ไฟฟ้าและตู้ควบคุม
- จุดเชื่อมต่อสายไฟ
ไม่ว่าจะเป็นโรงงานผลิต โรงพยาบาล ห้างสรรพสินค้า หรือศูนย์ข้อมูล เทคโนโลยีนี้ล้วนมีประโยชน์ในการยกระดับความปลอดภัยทางไฟฟ้า
บริษัท เทอร์โมสแกน แอนด์ อินฟราเรด โซลูชั่นส์ จำกัด (TIS) ผู้นำด้านการตรวจบริภัณฑ์ไฟฟ้าด้วย Infrared Thermography
บริษัท เทอร์โมสแกน แอนด์ อินฟราเรด โซลูชั่นส์ จำกัด (TIS) คือหนึ่งในผู้นำระดับประเทศในการให้บริการตรวจบริภัณฑ์ไฟฟ้าด้วยเทคโนโลยี Infrared Thermography ที่ได้รับความไว้วางใจจากองค์กรชั้นนำในหลายกลุ่มอุตสาหกรรม ด้วยประสบการณ์มากกว่า 18 ปี TIS ให้บริการตรวจสอบระบบไฟฟ้าโดยใช้กล้องถ่ายภาพความร้อนความละเอียดสูง วิเคราะห์ร่วมกับซอฟต์แวร์เฉพาะทาง โดยวิศวกรที่ได้รับใบอนุญาตวิชาชีพ
จุดเด่นของ TIS อยู่ที่ความแม่นยำในการตรวจวัด ความปลอดภัยที่ไม่กระทบต่อการทำงานของระบบ และรายงานผลที่จัดทำอย่างเป็นระบบ พร้อมคำแนะนำเชิงเทคนิคที่สามารถนำไปใช้งานได้จริง บริการครอบคลุมทั้งระบบไฟฟ้าหลัก ระบบสำรอง และระบบควบคุมในโรงงานอุตสาหกรรม อาคารสำนักงาน หรือโรงพยาบาล
นอกจากการตรวจแบบครั้งเดียว TIS ยังมีบริการตรวจซ้ำหลังแก้ไข รวมถึงการวางแผนการบำรุงรักษาระบบไฟฟ้าเชิงป้องกันในระยะยาว ซึ่งช่วยองค์กรลดความเสี่ยงและประหยัดต้นทุนในอนาคต หากคุณต้องการความมั่นใจในระบบไฟฟ้าที่ปลอดภัยและมีเสถียรภาพ บริษัท TIS พร้อมเป็นพันธมิตรที่คุณวางใจได้


